เพลย์อินเตอร์" เปิดตัวโปรแกรมสนทนา Garena Plus ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ
หลังจากที่เปิดให้ใช้มาแล้วช่วงระยะหนึ่ง
ผู้บริหารเผยปัจจุบันมีผู้ลงทะเบียนใช้งานในประเทศไทยไปแล้วกว่า 7,000,000 บัญชี
มีสถิติผู้ใช้งานพร้อมกันกว่า 1.7 ล้านคน
เตรียมขยายฐานผู้ใช้ในไทยโดยมุ่งไปที่นักเรียน-นักศึกษาและองค์กรต่างๆ
นายสมชัย
พัฒนพงษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เพลย์อินเตอร์ จำกัด ระบุว่า โปรแกรมสนทนา
Garena Plus มีศักยภาพสูงมาก
สามารถส่งข้อความสนทนาได้เช่นเดียวกับโปรแกรมสนทนายี่ห้ออื่นๆ
อีกทั้งยังสามารถส่งไฟล์ข้อมูลรูปแบบต่างๆ ตั้งกลุ่มสนทนา เล่นเกม
มีแอพพลิเคชั่นสำหรับใช้งานบนโทรศัพท์สมาร์ทโฟน ฯลฯ
นายสมชัย
ระบุว่า สิ่งที่เป็นจุดเด่นที่สุดของ Garena Plus คือระบบการสนทนาด้วยเสียง
โดยคุณภาพของเสียงที่ถูกส่งผ่านเซิร์ฟเวอร์จะมีความคมชัด
ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้เป็นอย่างดี
ไม่ว่าจะเป็นการสนทนาระหว่างเล่นเกมหรือการสนทนาอื่นๆ
แถมตัวโปรแกรมยังสามารถจดจำกลุ่มได้ ทำให้ใช้งานได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
โดยที่ระบบการสนทนาด้วยเสียงของ Garena Plus นั้นสามารถใช้ได้ฟรี
ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
ต่างกับโปรแกรมสนทนาด้วยเสียงยี่ห้ออื่นที่ต้องเช่าเซิร์ฟเวอร์
ในส่วนของการส่งไฟล์ข้อมูลรูปแบบต่างๆ
ของผู้ใช้งานชาวไทยผ่านทางโปรแกรม Garena Plus จะมีความรวดเร็วมาก
เนื่องจากมีเซิร์ฟเวอร์ตั้งอยู่ในประเทศไทย สามารถรองรับไฟล์ข้อมูลทุกรูปแบบ
ไม่ว่าจะเป็นไฟล์ภาพ เสียง วีดีโอ งานเอกสารต่างๆ ฯลฯ
นอกจากนี้ยังมีลูกเล่นที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกบันทึกภาพหน้าจอและปรับแต่งได้อย่างง่ายดาย
รวมถึงสามารถเล่นเกมในเครือ Garena พร้อมเชื่อมต่อกับโปรแกรมสนทนาอื่นอย่าง MSN และ
Facebook ได้อีกด้วย สามารถดาวน์โหลดมาใช้งานได้ฟรีจากเว็บไซต์
วันจันทร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2557
วันเสาร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2557
PARADOX
พาราด็อกซ์ (อังกฤษ: Paradox) เป็นวงดนตรีชาวไทย เริ่มก่อตั้งในปี พ.ศ. 2537 โดยกลุ่มนิสิตจากคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นวงที่มีเอกลักษณ์ทางการแสดงสด โดยจะมีการแสดงประกอบการเล่นดนตรี เช่น พ่นไฟ, สาดน้ำ, โยนลูกโป่งใส่คนดู ซึ่งแสดงโดยฝ่ายในวงที่เรียกว่า "โจ๊กเกอร์-ว๊ากเกอร์" รับเชิญหลายคน โดย โจ๊กเกอร์-ว๊ากเกอร์หลักของทางวงคือ อ๊อฟ และ เก่ง จะทำหน้าที่ร้องประสานเสียงบนเวทีให้อีกด้วย
พาราด็อกซ์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2537 โดย อิทธิพงศ์ กฤดากร ณ อยุธยา หรือ ต้า (ร้องนำ/กีต้าร์) ซึ่งเป็นนิสิตจากคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีความคิดที่จะตั้งวงดนตรีเพื่อร่วมกิจกรรมภายในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในฐานะนักศึกษาปีที่ 1 จึงได้ชวน จักรพงศ์ สิริริน หรือ สอง (เบส) เข้ามาร่วมวง โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากวงโมเดิร์นด็อก ซึ่งเป็นวงดนตรีแนวอัลเทอร์เนทีฟที่มีชื่อเสียงอีกวงหนึ่ง ทั้งสองคนได้ร่วมกันแต่งเพลงแนวลูกทุ่งชื่อเพลง "โรงหนังเก่า" ขึ้นเป็นเพลงแรก ต่อมาก็ได้ พรภัฏ ชีวีวัฒน์ หรือ โน้ต นิสิตคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เข้ามาร่วมวงในตำแหน่งมือกลอง
หลังจากที่"หอยจ๊อ" ส่ง Demo เทปไปยัง อิสเทอร์นสกาย เร็คคอร์ดส ซึ่งเป็นค่ายเพลงเล็กๆ พวกเขาก็ได้โอกาสออกอัลบั้มแรก Lunatic Planet พร้อมเปลี่ยนชื่อวงเป็น "พาราด็อกซ์" (Paradox) ด้วยซาวนด์ดนตรีและเนื้อหาเพลงที่แปลก แตกต่างจากวงดนตรีอื่นๆในสมัยนั้น ทำให้พาราด็อกซ์ได้รับความนิยมพอสมควร โดยมีเพลงดังอย่าง นักมายากล, ไก่ และ โรตีที่รัก โน้ต จึงได้ชักชวนให้ ขจัดภัย กาญจนาภา หรือ บิ๊ก มาช่วยเสริมในฐานะกีต้าร์ และได้กลายเป็นสมาชิกวงอย่างเป็นทางการ แต่ต่อมาไม่นาน อิสเทอร์นสกาย เร็คคอร์ดส ก็ได้ปิดตัวลง โน้ตซึ่งสำเร็จการศึกษาก็ได้ตัดสินใจแต่งงาน และเดินทางไปศึกษาต่อยังประเทศสหรัฐอเมริกา ประจวบกับที่สมาชิกอีก 2 คนกำลังจะสำเร็จการศึกษา พาราดอกซ์จึงว่างเว้นจากงานดนตรีไปกว่า 1 ปีเต็ม
หลังจากจากที่ อิสเทอร์นสกาย เร็คคอร์ดส ได้ปิดตัวลง สมาชิกที่ยังเหลืออยู่จึงได้หันไปผลิตอัลบั้ม "แมลงวันสเปน" โดยจัดทำเป็นอัลบั้มใต้ดิน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการส่งชิ้นงานก่อนจบการศึกษา โดยบันทึกเสียงภายในห้องนอนของ ต้า นักร้องนำ โดยจัดทำออกมาเพียง 1,000 ม้วน ภายใต้ค่ายเพลงชื่อ ตาต้า เร็คคอร์ดส และอัลบั้ม Paradox & My Friends ซึ่งได้รวมเอาผลงานของเพื่อนๆของสมาชิกในวงเอาไว้ด้วย
ในที่สุดพาราด็อกซ์ก็ได้ปล่อยอัลบั้มเต็มออกมาในชื่อชุด Summer โดยมี "น้องเปิ้ล" เป็นเพลงเปิดตัว และ "ฤดูร้อน" ซึ่งเป็นเพลงที่ทำให้ทุกคนรู้จักพาราด็อกซ์ในวงกว้าง รวมถึงเพลงที่นักศึกษาวิชาทหารรู้จักกันดีอย่าง ร.ด.Dance และภายในปีเดียวกันนั้น พาราด็อกซ์ก็ได้ออกอัลบั้ม แค้นผีนรก ซึ่งเป็นอัลบั้มใต้ดินขึ้นมาอีก 1 ชุด ซึ่งถือเป็นอัลบั้มใต้ดินชุดสุดท้ายของวง
ในยุคที่วงอิสระเป็นที่ยอมรับ หรือที่เรียกกันว่า ยุคอินดี้นั้น มีส่วนทำให้วงพาราด็อกซ์เป็นที่ยอมรับในตลาด จนเกิดอัลบั้มพิเศษที่ชื่อ On The Beach ขึ้น โดยนำเพลงจากอัลบั้ม Summer และ Lunatic Planet มาร้องใหม่ และให้ศิลปินรับเชิญมาช่วยเรียบเรียงดนตรีในแบบอคูสติก พร้อม 2 เพลงใหม่คือเพลง ดาว และ สงสัย
อัลบั้ม On The Rainbow เป็นอัลบั้มที่มีความแตกต่างไปจากอัลบั้มก่อนๆของพาราด็อกซ์ เนื่องจากเพลงส่วนใหญ่ลดความแรงลงไปมาก แต่ทดแทนมาด้วยฝีมือที่พัฒนาขึ้นไปอีกขั้น โดยเน้นการทำดนตรีและท่วงทำนองที่สวยงาม พร้อมบทเพลงที่ไพเราะอย่างเพลง รุ้ง และ เศษ หรือ เพลง กวีบทเก่า ที่นำบทเพลงของวง นูโว มาเรียบเรียงใหม่ในแบบฉบับของตัวเอง
นับจากอัลบั้ม On The Rainbow นี้ บทบาทในการทำอัลบั้มของเก่งและอ๊อฟจะลดลงไป แต่ทั้งสองคนก็ยังมีส่วนช่วยในการทำเพลงอยู่เบื้องหลัง และเป็นกำลังสำคัญในการแสดงคอนเสิร์ต ของพาราด็อกซ์อยู่เสมอๆ
หลังจากอัลบั้ม Free Style เพียงไม่กี่เดือน พาราด็อกซ์ก็มีผลงานพิเศษที่ร่วมกับศิลปินอื่นอีกครั้งในชื่อ Little Rock Project ซึ่งเป็นการนำเพลงของวงในตำนานอย่าง ไมโคร กลับมาทำใหม่ตามแบบฉบับของแต่ละวงในอัลบั้มนี้ ซึ่งพาราด็อกซ์มีผลงานอยู่2เพลงคือ มันก็ยังงง งง และ รักคุณเข้าแล้ว และได้มีคอนเสิร์ตที่ชื่อ Rock Size S เกิดขึ้นที่ Impact Arena เมืองทองธานี
เมื่ออัลบั้มเก่าๆของพาราด็อกซ์เริ่มหายาก จึงมีการทำอัลบั้ม Hit Me ขึ้น ซึ่งเป็นผลงานรวมเพลงของพาราด็อกซ์ตั้งแต่อัลบั้ม Summer เป็นต้นมา และพาราด็อกซ์ก็ได้มีโอกาสทำเพลงประกอบภาพยนตร์ วัยอลวน4 โดยนำเพลงดังในอดีต อย่าง เธอที่รัก กลับมาเรียบเรียงใหม่ รวมถึงการนำเพลง Let's Go Rider Kick ซึ่งเป็นเพลงเปิดตัวของ ไอ้มดแดง V.1 มาเรียบเรียงใหม่เพื่อใช้สำหรับงาน ไอ้มดแดง Live Show In Bangkok
และในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2550 พาราด็อกซ์ก็ได้ออกอัลบั้มพิเศษในชื่อว่า Paradox In Paradise ซึ่งเป็นการนำเพลงตั้งแต่อัลบั้ม On The Rainbow มาร้องใหม่ และเรียบเรียงดนตรีในแบบเบาๆโดยศิลปินรับเชิญอีกครั้ง พร้อมด้วยเพลงใหม่ที่ชื่อใครสักคน และเพลงสิงห์รถบรรทุก ซึ่งเป็นเพลงที่มีอยู่ในซีดีแบบ Special Edition เท่านั้น
เดือนเมษายนในปีเดียวกัน พาราด็อกซ์ได้มีผลงานเขียนออกวางจำหน่ายเป็นครั้งแรกชื่อ บันทึกลึกลับ Paradox X ซึ่งต้าได้รวบรวมประสบการณ์ระหว่างการทำงานในอัลบั้ม X (10 Years After) มาเขียนลงหนังสือเพื่ออธิบายถึงที่มาของแต่ละเพลง รวมถึงขั้นตอนการทำงานเบื้องหลังต่างๆภายในอัลบั้มนี้
ปัจจุบันวงพาราด็อกซ์ได้ออกอัลบั้มใหม่ที่มีชื่อว่า Parade โดยรวมเพลงที่เป็นเพลงยอดนิยมในอดีตมารวมไว้ในอัลบั้ม และเพลงที่ไม่ได้อยู่ในอัลบั้มของพาราด็อกซ์มาก่อนอย่างเพลง กอดฉันไว้ เพียงชายคนนี้(ไม่ใช่ผู้วิเศษ) เรดิโอ และ รสชาติแห่งความรัก
ในปี 2554 วงพาราด็อกซ์ได้ปล่อยซิงเกิ้ลชื่อว่า หรรษาราตรี ออกมาเป็นซิงเกิ้ลแรกสำหรับอัลบั้มที่จะออกในปี 2555 และเพลงซักซี้ดนึง ประกอบภาพยนตร์เรื่อง ห่วยขั้นเทพ รวมถึงออกอัลบั้มพิเศษชื่อ The Love Scene เป็นอัลบั้มรวมเพลงประกอบภาพยนตร์ และล่าสุดได้ปล่อยซิงเกิ้ลเพลง คนบนฟ้า และ ปลายสายรุ้งซึ่งเป็นเพลงที่อยู่ในอัลบั้ม Day Dreamer ที่วางแผนในช่วงเดือนธันวาคม
ในปี 2556 วงพาราด็อกซ์ได้ปล่อยเพลงแนวร็อกและอินดี้ออกมาใหม่ ได้แก่ ไม่มีเธอ (กล่องดวงใจ) ซึ่งออกในช่วงเดือนมิถุนายน และในเดือนพฤศจิกายนได้ปล่อยเพลง หลุมศพปลาวาฬ ที่ให้ข้อคิดและความเพลิดเพลินไปกับเพลงที่มีคำหลายคำที่ไม่เกี่ยวข้องกันมาปะปนกันอย่างสนุกสนาน
บทความเกี่ยวกับเพลง ดนตรี หรือ เครื่องดนตรีนี้ยังเป็นโครง คุณสามารถช่วยวิกิพีเดียได้โดยเพิ่มข้อมูล ดูเพิ่มที่ สถานีย่อย:ดนตรี
เนื้อหา
[ซ่อน]สมาชิก[แก้]
สมาชิกปัจจุบัน[แก้]
- อิทธิพงศ์ กฤดากร ณ อยุธยา (ต้า) ร้องนำ / กีตาร์
- ขจัดภัย กาญจนาภา (บิ๊ก) กีตาร์
- จักรพงศ์ สิริริน (สอง) เบส
- เสรฐพร กฤดากร ณ อยุธยา (โจอี้) กลอง
ประวัติ[แก้]
จุดเริ่มต้น[แก้]

สมาชิกพาราด็อกซ์ในยุคก่อตั้ง (จากซ้ายไปขวา) พรภัฏ ชีวีวัฒน์ อิทธิพงศ์ กฤดากร ณ อยุธยา จักรพงศ์ สิริริน
อัลบั้มแรก[แก้]
1 ปีต่อมา สมาชิกทั้งหมดก็ได้ตัดสินใจที่จะผลิตอัลบั้มเป็นของตัวเอง เพื่อนำออกขายในงานกิจกรรมต่างๆของคณะ ต้า ซึ่งในขณะนั้นเป็นเพียงมือกีต้าร์ของวง จึงได้รับตำแหน่งนักร้องนำและมือกีต้าร์อย่างเต็มตัว และเนื่องจากประสบปัญหาในการจัดทำอัลบั้ม "หอยจ๊อ" จึงได้ตัดสินใจส่ง Demo เทป เพื่อเสนอแก่ค่ายเพลงหลังจากที่"หอยจ๊อ" ส่ง Demo เทปไปยัง อิสเทอร์นสกาย เร็คคอร์ดส ซึ่งเป็นค่ายเพลงเล็กๆ พวกเขาก็ได้โอกาสออกอัลบั้มแรก Lunatic Planet พร้อมเปลี่ยนชื่อวงเป็น "พาราด็อกซ์" (Paradox) ด้วยซาวนด์ดนตรีและเนื้อหาเพลงที่แปลก แตกต่างจากวงดนตรีอื่นๆในสมัยนั้น ทำให้พาราด็อกซ์ได้รับความนิยมพอสมควร โดยมีเพลงดังอย่าง นักมายากล, ไก่ และ โรตีที่รัก โน้ต จึงได้ชักชวนให้ ขจัดภัย กาญจนาภา หรือ บิ๊ก มาช่วยเสริมในฐานะกีต้าร์ และได้กลายเป็นสมาชิกวงอย่างเป็นทางการ แต่ต่อมาไม่นาน อิสเทอร์นสกาย เร็คคอร์ดส ก็ได้ปิดตัวลง โน้ตซึ่งสำเร็จการศึกษาก็ได้ตัดสินใจแต่งงาน และเดินทางไปศึกษาต่อยังประเทศสหรัฐอเมริกา ประจวบกับที่สมาชิกอีก 2 คนกำลังจะสำเร็จการศึกษา พาราดอกซ์จึงว่างเว้นจากงานดนตรีไปกว่า 1 ปีเต็ม

สมาชิกพาราด็อกซ์ในช่วงแรก(จากขวาไปซ้าย) ขจัดภัย กาญจนาภา จักรพงศ์ สิริริน อิทธิพงศ์ กฤดากร ณ อยุธยา พรภัฏ ชีวีวัฒน์
ก้าวสู่จีนี่เรคคอร์ดส[แก้]
ต่อมาพาราด็อกซ์ได้มีโอกาสทำเพลงเพื่อรวมอยู่ในอัลบั้ม Intro 2000 ร่วมกับศิลปินอื่น ในสังกัดจีนี่เรคคอร์ดส ซึ่งเป็นช่วงที่พาราด็อกซ์ยังขาดมือกลอง ในอัลบั้มนี้จึงได้รุ่นน้องชื่อ ดำ มาช่วงตีกลองให้ในเพลงท่ามกลางแทนโน้ต ไม่นานหลังจากอัลบั้ม Intro 2000 ทางพาราด็อกซ์ได้รับโอกาสให้ทำอัลบั้มเต็มอีกครั้ง แต่เนื่องจากพี่โน้ตยังอยู่ต่างประเทศ ต้าจึงได้ชักชวน เสรฐพร กฤดากร ณ อยุธยา หรือ โจอี้ ซึ่งเป็นญาติผู้น้องเข้ามาร่วมวงในตำแหน่งมือกลอง และ ยังได้ชวนเพื่อนที่มีส่วนร่วมในงานดนตรีของพวกเขามาตั้งแต่อัลบั้ม Lunatic Planet คือ นัทธา กมลรัตนกุล หรือ เก่ง มาช่วยร้องคอรัส และเพิ่มสีสันในการแสดงสด และ ชาญณรงค์ วังเย็น หรือ อ๊อฟ มาช่วยร้องประสานแบบโหดๆ ทำให้เกิดวงพาราด็อกซ์ที่สมบูรณ์ในที่สุดพาราด็อกซ์ก็ได้ปล่อยอัลบั้มเต็มออกมาในชื่อชุด Summer โดยมี "น้องเปิ้ล" เป็นเพลงเปิดตัว และ "ฤดูร้อน" ซึ่งเป็นเพลงที่ทำให้ทุกคนรู้จักพาราด็อกซ์ในวงกว้าง รวมถึงเพลงที่นักศึกษาวิชาทหารรู้จักกันดีอย่าง ร.ด.Dance และภายในปีเดียวกันนั้น พาราด็อกซ์ก็ได้ออกอัลบั้ม แค้นผีนรก ซึ่งเป็นอัลบั้มใต้ดินขึ้นมาอีก 1 ชุด ซึ่งถือเป็นอัลบั้มใต้ดินชุดสุดท้ายของวง
ในยุคที่วงอิสระเป็นที่ยอมรับ หรือที่เรียกกันว่า ยุคอินดี้นั้น มีส่วนทำให้วงพาราด็อกซ์เป็นที่ยอมรับในตลาด จนเกิดอัลบั้มพิเศษที่ชื่อ On The Beach ขึ้น โดยนำเพลงจากอัลบั้ม Summer และ Lunatic Planet มาร้องใหม่ และให้ศิลปินรับเชิญมาช่วยเรียบเรียงดนตรีในแบบอคูสติก พร้อม 2 เพลงใหม่คือเพลง ดาว และ สงสัย

พาราด็อกซ์ กับอัลบั้มที่ 2 On The Rainbow(จากขวาไปซ้าย) อิทธิพงศ์ กฤดากร ณ อยุธยา ขจัดภัย กาญจนาภา จักรพงศ์ สิริริน เสรฐพร กฤดากร ณ อยุธยา
นับจากอัลบั้ม On The Rainbow นี้ บทบาทในการทำอัลบั้มของเก่งและอ๊อฟจะลดลงไป แต่ทั้งสองคนก็ยังมีส่วนช่วยในการทำเพลงอยู่เบื้องหลัง และเป็นกำลังสำคัญในการแสดงคอนเสิร์ต ของพาราด็อกซ์อยู่เสมอๆ
คอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรก[แก้]
ในปี 2546 Fat Radio ได้จัดให้มีคอนเสิร์ตใหญ่ของพาราด็อกซ์ขึ้นเป็นครั้งแรกในวันที่ 28 มิถุนายน 2546 ที่อินดอร์สเตเดี้ยม หัวหมาก ในชื่อ Fat Live 4 : The Paradox Circus ซึ่งเป็นคอนเสิร์ตที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างอบอุ่น พร้อมแขกรับเชิญพิเศษคือ ก้อย - Saturday Seiko เล็ก - สุรชัย กิจเกษมสิน ผิง - Club F และ สามสาวจากวง H และในปีเดียวกันนี้ พาราด็อกซ์ก็ได้ออกอัลบั้ม Freestyle ที่มีเพลงดังอย่าง Sexy ทาส บอลลูน พร้อมทั้งนำเพลงนักมายากล จากอัลบั้ม Lunatic Planet กลับมาทำใหม่อีกครั้งหลังจากอัลบั้ม Free Style เพียงไม่กี่เดือน พาราด็อกซ์ก็มีผลงานพิเศษที่ร่วมกับศิลปินอื่นอีกครั้งในชื่อ Little Rock Project ซึ่งเป็นการนำเพลงของวงในตำนานอย่าง ไมโคร กลับมาทำใหม่ตามแบบฉบับของแต่ละวงในอัลบั้มนี้ ซึ่งพาราด็อกซ์มีผลงานอยู่2เพลงคือ มันก็ยังงง งง และ รักคุณเข้าแล้ว และได้มีคอนเสิร์ตที่ชื่อ Rock Size S เกิดขึ้นที่ Impact Arena เมืองทองธานี
เมื่ออัลบั้มเก่าๆของพาราด็อกซ์เริ่มหายาก จึงมีการทำอัลบั้ม Hit Me ขึ้น ซึ่งเป็นผลงานรวมเพลงของพาราด็อกซ์ตั้งแต่อัลบั้ม Summer เป็นต้นมา และพาราด็อกซ์ก็ได้มีโอกาสทำเพลงประกอบภาพยนตร์ วัยอลวน4 โดยนำเพลงดังในอดีต อย่าง เธอที่รัก กลับมาเรียบเรียงใหม่ รวมถึงการนำเพลง Let's Go Rider Kick ซึ่งเป็นเพลงเปิดตัวของ ไอ้มดแดง V.1 มาเรียบเรียงใหม่เพื่อใช้สำหรับงาน ไอ้มดแดง Live Show In Bangkok
10 ปี พาราด็อกซ์[แก้]
เมื่อห่างหายจากอัลบั้มเต็มไปถึง 3 ปี พาราด็อกซ์ก็ได้กลับมาอีกครั้งกับอัลบั้ม X (10 Years After) ซึ่งเป็นผลงานที่ออกมาในช่วงครบรอบ 10 ปีของทางวง อัลบั้มนี้มีการเพิ่มโบนัสแทร็กถึง12แทร็ก รวมกับเพลงปกติอีก10แทร็ก แทร็กทั้งหมดในอัลบั้มนี้จึงมีถึง22แทร็ก เพลงที่เป็นที่รู้จักในอัลบั้มนี้คือเพลง ผงาดง้ำค้ำโลก ซึ่งเป็นเพลงที่มีการนำคำต่างๆมาพลิกแพลงจนกลายมาเป็นเพลงที่มีมุมมองที่แตกต่างจากเพลงทั่วๆไป เพลงส่งรักส่งยิ้มซึ่งมีเนื้อหาที่ชวนให้ทุกคนหันหน้าสร้างรอยยิ้มให้กัน พร้อมทั้งเพลงจังหวะสนุกๆแบบย้อนยุคอย่าง คิด และ มองตา ในส่วนของโบนัสแทร็กจะประกอบด้วยเพลงแนวทดลองโดยสมาชิกวงแต่ละคนอย่าง escape นั่งยาง และมีการนำเพลงใต้ดินมาใส่ไว้ เช่นเพลงโรงหนังเก่า ซึ่งเป็นเพลงแรกที่ต้าและสองแต่งขึ้นมาและในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2550 พาราด็อกซ์ก็ได้ออกอัลบั้มพิเศษในชื่อว่า Paradox In Paradise ซึ่งเป็นการนำเพลงตั้งแต่อัลบั้ม On The Rainbow มาร้องใหม่ และเรียบเรียงดนตรีในแบบเบาๆโดยศิลปินรับเชิญอีกครั้ง พร้อมด้วยเพลงใหม่ที่ชื่อใครสักคน และเพลงสิงห์รถบรรทุก ซึ่งเป็นเพลงที่มีอยู่ในซีดีแบบ Special Edition เท่านั้น
เดือนเมษายนในปีเดียวกัน พาราด็อกซ์ได้มีผลงานเขียนออกวางจำหน่ายเป็นครั้งแรกชื่อ บันทึกลึกลับ Paradox X ซึ่งต้าได้รวบรวมประสบการณ์ระหว่างการทำงานในอัลบั้ม X (10 Years After) มาเขียนลงหนังสือเพื่ออธิบายถึงที่มาของแต่ละเพลง รวมถึงขั้นตอนการทำงานเบื้องหลังต่างๆภายในอัลบั้มนี้
ปัจจุบันวงพาราด็อกซ์ได้ออกอัลบั้มใหม่ที่มีชื่อว่า Parade โดยรวมเพลงที่เป็นเพลงยอดนิยมในอดีตมารวมไว้ในอัลบั้ม และเพลงที่ไม่ได้อยู่ในอัลบั้มของพาราด็อกซ์มาก่อนอย่างเพลง กอดฉันไว้ เพียงชายคนนี้(ไม่ใช่ผู้วิเศษ) เรดิโอ และ รสชาติแห่งความรัก
ในปี 2554 วงพาราด็อกซ์ได้ปล่อยซิงเกิ้ลชื่อว่า หรรษาราตรี ออกมาเป็นซิงเกิ้ลแรกสำหรับอัลบั้มที่จะออกในปี 2555 และเพลงซักซี้ดนึง ประกอบภาพยนตร์เรื่อง ห่วยขั้นเทพ รวมถึงออกอัลบั้มพิเศษชื่อ The Love Scene เป็นอัลบั้มรวมเพลงประกอบภาพยนตร์ และล่าสุดได้ปล่อยซิงเกิ้ลเพลง คนบนฟ้า และ ปลายสายรุ้งซึ่งเป็นเพลงที่อยู่ในอัลบั้ม Day Dreamer ที่วางแผนในช่วงเดือนธันวาคม
ในปี 2556 วงพาราด็อกซ์ได้ปล่อยเพลงแนวร็อกและอินดี้ออกมาใหม่ ได้แก่ ไม่มีเธอ (กล่องดวงใจ) ซึ่งออกในช่วงเดือนมิถุนายน และในเดือนพฤศจิกายนได้ปล่อยเพลง หลุมศพปลาวาฬ ที่ให้ข้อคิดและความเพลิดเพลินไปกับเพลงที่มีคำหลายคำที่ไม่เกี่ยวข้องกันมาปะปนกันอย่างสนุกสนาน
ผลงาน[แก้]
ด้านล่างนี้แสดงผลเพียงผลงานอัลบั้มสตูดิโอของพาราด็อกซ์ อัลบั้มอื่นๆ ดูบทความที่ ผลงานอัลบั้มเพลงของพาราด็อกซ์อัลบั้มใต้ดิน[แก้]
| อัลบั้มสตูดิโอ[แก้]
|
ผลงานเขียน[แก้]
บันทึกลึกลับ Paradox X[แก้]
- เขียนโดย อิทธิพงศ์ กฤดากร ณ อยุธยา (ต้า) นักร้องนำ
- วางจำหน่ายครั้งแรกในงานสัปดาห์หนังสือนานาชาติครั้งที่ 5 ระหว่างวันที่ 30 มีนาคม 2550 - 10 เมษายน 2550 ที่ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
- เปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 24 เมษายน 2550 ณ ร้านบีทูเอส สาขาเซ็นทรัล เวิลด์ พลาซ่า ในงานที่ชื่อว่า "10 ปีที่ผ่านมา และ 10เพลง ที่ผ่านไป"[1]
- ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2 มีการเพิ่มรูปภาพในหน้า 108 มีการปรับเปลี่ยนการจัดวางหน้า เพิ่มข้อมูลที่ขาดหาย และแก้คำผิด
- เนื้อหาว่าด้วยรายละเอียดต่างๆในการจัดทำอัลบั้ม X (Ten Years After) และ Paradox In Paradise เป็นการขยายปกซีดีให้กลายร่างมาเป็นหนังสือหนึ่งเล่ม [2]
- ผู้เขียนได้กล่าวไว้ในหน้าคำนำว่าหนังสือเล่มนี้เป็นนวัตกรรมใหม่ในการฟังดนตรี [2]การได้รับรู้การทำงานเบื้องหลังของแต่ละอัลบั้มเป็นตัวเพิ่มอรรถรสในการฟังเพลง
รางวัล[แก้]
- รางวัลรถติดคนติด (เพลง ขอ จากอัลบั้ม Freestyle) : FAT AWARDS #2 (พ.ศ. 2547)[3]
- รางวัลท่อนฮุคเฆี่ยนใจ (เพลง ขอ จากอัลบั้ม Freestyle) : FAT AWARDS #2 (พ.ศ. 2547)[3]
- รางวัลศิลปินยอดนิยม : FAT AWARDS #5 (พ.ศ. 2550)[4]
- รางวัลศิลปินยอดนิยม : FAT AWARDS 2010 (พ.ศ. 2554)[5]
- รางวัลศิลปินสามัคคีชุมชุน : bang award 2012
อ้างอิง[แก้]
- กระโดดขึ้น ↑ ผู้จัดการรายสัปดาห์. เปลือย “พาราด็อกซ์”สัมผัสบั้นท้ายงานเพลง. [19 สิงหาคม 2550]
- ↑ กระโดดขึ้นไป: 2.0 2.1 อิทธิพงศ์ กฤดากร ณ อยุธยา. บันทึกลึกลับ Paradox X. พิมพ์ครั้งที่ 2 กรุงเทพฯ : มาร์ส, 2550
- ↑ กระโดดขึ้นไป: 3.0 3.1 Siam Zone. ประกาศผลแล้ว รางวัลของคนดนตรี แฟต อวอร์ดส์ ครั้งที่ 2 16 เมษายน 2547
- กระโดดขึ้น ↑ Siam Zone. ประกาศผลแล้ว รางวัลของคนดนตรี แฟต อวอร์ดส ครั้งที่ 5 9 มีนาคม 2550
- กระโดดขึ้น ↑ you2play "ชัดเจนทุกรางวัล!! เป็นกลางทุกกระบวนการ กับ “Fat Awards 2010” เพลงดีที่คุณควรฟัง" 16 กันยายน 2554
แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]
- Tatamag.com - ตาต้าแม็กซ์
- Myspace.com/paradoxspace - Paradox Space
- PARADOX FOREVER
- PARADOX FANSITE - บทสัมภาษณ์เก่าๆของวง PARADOX
- R I S H A D A N P O R T เนื้อเพลงและคอร์ดกีต้าร์
- Interview On The Rainbow
- ผู้จัดการ ออนไลน์ "ต้าร์" ย้อนอดีต 10 ปีพาราด็อกซ์กับจุดยืนคำว่าอินดี้! 25 เมษายน 2550 09:42 น.
- ผู้จัดการรายสัปดาห์เปลือย “พาราด็อกซ์”สัมผัสบั้นท้ายงานเพลง 3 พฤษภาคม 2550 17:56 น.
|

Bodyslam
บอดี้สแลม | |
---|---|
![]()
บอดี้สแลมที่งานสตาร์เอนเตอร์เทนเมนต์อวอร์ดส ปี 2550
| |
ข้อมูลพื้นฐาน | |
แหล่งกำเนิด | ![]() |
แนวเพลง | ร็อก, อัลเทอร์เนทีฟร็อก, ฮาร์ดร็อก, ป็อปพังก์, โพสต์-ฮาร์ดคอร์, ป็อปร็อก (ช่วงแรก), เพื่อชีวิต |
ช่วงปี | พ.ศ. 2545 – ปัจจุบัน |
ค่ายเพลง | มิวสิก บั๊กส์ (2545–2547) จีนี่เรคอร์ดส (2547–ปัจจุบัน) |
เว็บไซต์ | bodyslamband.com |
สมาชิก | อาทิวราห์ คงมาลัย ธนดล ช้างเสวก สุชัฒติ จั่นอี๊ด ธนชัย ตันตระกูล โอม เปล่งขำ |
อดีตสมาชิก | รัฐพล พรรณเชษฐ์ |
เนื้อหา
[ซ่อน]ประวัติ[แก้]
ช่วงแรกของวง (2539–2541)[แก้]
ดูบทความหลักที่: ละอ่อน
บอดี้สแลมเดิมเรียกว่า ละอ่อน ในปี พ.ศ. 2539 วงได้ชนะการประกวดวงดนตรี Hot Wave Music Award และได้ออกจำหน่ายอัลบั้มกับค่ายมิวสิก บั๊กส์ ในชื่อ ละอ่อน ในปี พ.ศ. 2540 ด้วยแนวเพลงป็อปร็อก เพลงหนึ่งในอัลบั้ม "ได้หรือเปล่า" เป็นเพลงที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดของวง ต่อมาได้ออกอัลบั้มชุดที่สอง เทพนิยายนายเสนาะ ในปี พ.ศ. 2541 แต่หลังจากนั้นวงก็ได้แยกย้ายกันไปเรียนต่อBodyslam และ Drive (2545–2547)[แก้]
วงกลับมาอีกครั้งในปี พ.ศ. 2545 ด้วยชื่อใหม่ บอดี้สแลม และมีเปลี่ยนแนวเพลงไปเป็นร็อกที่หนักหน่วงมากขึ้น ด้วยสมาชิกเพียงสามคนที่เหลืออยู่ ได้แก่ นักร้องนำ อาทิวราห์ คงมาลัย มือเบส ธนดล ช้างเสวก และมือกีตาร์ รัฐพล พรรณเชษฐ์ วงอธิบายว่า ที่มาของชื่อนี้มาจากชื่อท่าหนึ่งของมวยปล้ำ แต่ถ้าแปลความหมายตรงตัว บอดี้ แปลว่าร่างกาย สแลม คือการทุ่ม เมื่อมารวมกันเป็น บอดี้สแลม ก็จะหมายถึง การทุ่มสุดตัว คือการทำงานเพลงกันเต็มที่แบบทุ่มสุดตัว ออกจำหน่ายอัลบั้มชุดแรกของวงที่มีชื่อเดียวกันกับชื่อวงใหม่และได้ประสบความสำเร็จ ต่อมาได้ออกจำหน่ายอัลบั้มชุดที่สอง Drive ในปี พ.ศ. 2546 เป็นอัลบั้มที่ประสบความสำเร็จเท่ากันกับอัลบั้มชุดแรก บอดี้สแลมได้ชนะรางวัลมิวสิกวิดีโอในสาขา "กลุ่มศิลปินที่เป็นที่ชื่นชอบ" ในมิวสิกวิดีโอของเพลง "ปลายทาง"[2] ในวันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2547 บอดี้สแลมได้ออกคอนเสิร์ต HOTWAVE LIVE: BODYSLAM MAXIMUM LIVE จัด ณ หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์) ซึ่งเป็นคอนเสิร์ตที่ทางคลื่นร้อน 91.5 Hot Wave จัดให้โดยเป็นคอนเสิร์ตครั้งแรกของทั้ง 3 หนุ่ม ตูน-อาทิวราห์ คงมาลัย, ปิ๊ด-ธนดล ช้างเสวก, เภา-รัฐพล พรรณเชษฐ โดยมีศิลปินรับเชิญคือ ปู แบล็คเฮด, อ๊อฟ บิ๊กแอส, ป๊อด โมเดิร์นด็อกBelieve (2548–2549)[แก้]
หลังจากอัลบั้มที่สอง บอดี้สแลมได้มีการเปลี่ยนแปลงมากมาย วงได้ออกจากค่ายมิวสิก บั๊กส์และได้เซ็นสัญญากับจีนี่เรคคอร์ดส ในเครือจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ค่ายเพลงใหญ่ของประเทศไทย ต่อมามือกีตาร์ของวง เภา รัฐพล พรรณเชษฐ์ ได้ออกจากวงบอดี้สแลม และออกอัลบั้มเดี่ยวในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2548 ในอัลบั้มชื่อ Present Perfect สังกัดค่ายสนามหลวง ทำให้บอดี้สแลมเหลือสมาชิกวงอยู่ 4 คน และได้คว้าตัวมือกีตาร์คนใหม่ คือ ยอด ธนชัย ตันตระกูล และออกสตูดิโออัลบั้มชุดที่สามของวง Believe ในปี พ.ศ. 2548 ในวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2548 บอดี้สแลมได้ออกคอนเสิร์ตวันคุ้มครองโลก ในชื่อ Bodyslam Believe Concert ที่ Thunder Dome เมืองทองธานี โดยมีแขกรับเชิญ 2 คน คือ บอย - อนุวัฒน์ สงวนศักดิ์ภักดี (บอย PEACEMAKER) และ เภา - รัฐพล พรรณเชษฐ์ อดีตมือกีตาร์ของวง ในวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2548 ได้ออกคอนเสิร์ต BIG BODY ที่อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี โดยจัดร่วมกับวงบิ๊กแอส และได้แสดงร่วมกับวงบิ๊กแอสอีกครั้งในวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2549 ในคอนเสิร์ต M-150 สุดชีวิตคนไทย ที่อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี และยังได้แสดงร่วมกับ โปเตโต้, เสก โลโซ, ลานนา คัมมินส์, และ ไมค์ ภิรมย์พรSave My Life (2550–2551)[แก้]
ในวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2550 บอดี้สแลมได้ออกจำหน่ายสตูดิโออัลบั้มชุดที่สี่ เซฟมายไลฟ์ (Save My life) และได้ออกคอนเสิร์ตใหญ่ในกรุงเทพในต้นเดือนตุลาคมปีเดียวกัน ในวันที่ 20-21 ตุลาคม พ.ศ. 2550 บอดี้สแลมได้ออกคอนเสิร์ต BODYSLAM SAVE MY LIFE CONCERT ที่อินดอร์ สเตเดี้ยม หัวหมาก โดยมีแขกรับเชิญ ได้แก่ โก้ Mr.Saxman ในเพลง "นาฬิกาตาย", ปู พงษ์สิทธิ์ คัมภีร์ ในเพลง "ความเชื่อ", "แม่" และ ปนัดดา เรืองวุฒิ ในเพลง "แค่หลับตา", แอ๊ด คาราบาว ในเพลง "ความเชื่อ", "รักต้องสู้" และทีมเชียร์ลีดเดอร์จากมหาวิทยาลัยรังสิต ในเพลง "ท่านผู้ชม"ความสำเร็จจากอัลบั้มใหม่ทำให้วงมีแฟนคลับขนาดใหญ่ขึ้น และกลายเป็นหนึ่งในวงดนตรีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศไทย อัลบั้มเซฟมายไลฟ์ ได้ชนะในสีสันอะวอร์ด ครั้งที่ 20 ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2551 สาขาศิลปินกลุ่มร็อกยอดเยี่ยม อัลบั้มร็อกยอดเยี่ยม และเพลงร็อกยอดเยี่ยม สำหรับเพลง "ยาพิษ"[3] และได้ออกคอนเสิร์ตในวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 ในชื่อคอนเสิร์ต EVERY BODYSLAM CONCERT ที่อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี โดยมีศิลปินรับเชิญ ได้แก่ ฟักแฟง โน มอร์ เทียร์-ไปรยา มลาศรี ในเพลง "แค่หลับตา" และบุดด้าเบลส
คราม (2552–2555)[แก้]
ซิงเกิล "คราม" ออกในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2552 พร้อมกับสตูดิโออัลบั้มชุดที่ห้าของวง คราม ออกจำหน่ายในกลางปี พ.ศ. 2553 (หลังจากเลื่อนไปเป็นมิถุนายน พ.ศ. 2553 จากการชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ พ.ศ. 2553) วงได้ออกแสดงคอนเสิร์ตใหญ่ที่เรียกว่า บอดี้สแลมไลฟ์อินคราม ที่ราชมังคลากีฬาสถาน ในวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 ด้วยผู้ชมมากกว่า 65,000 คน[4] โดยมีศิลปินรับเชิญ ได้แก่ ศิริพร อำไพพงษ์ ในเพลง "คิดฮอด" อุ๋ย บุดด้าเบลส และฟักกลิ้ง ฮีโร่ ในเพลง "Sticker" และวงบิ๊กแอส และได้สำเร็จทัวร์ในวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2554 ด้วยคอนเสิร์ต บอดี้สแลมไลฟ์อินลาว : เวิลด์ทัวร์ ที่สนามกีฬาแห่งชาติลาว และในปี พ.ศ. 2555 ได้จัดคอนเสิร์ตบอดี้สแลมนั่งเล่น ที่ IMPACT EXHIBITION HALL 1 ในวันที่ 10-12 กุมภาพันธ์[5]Dharmajāti (2556–ปัจจุบัน)[แก้]
สตูดิโออัลบั้มชุดที่หกของวง ดัม-มะ-ชา-ติ (dharmajāti) ในภาษาสันสกฤตหมายถึง "ธรรมชาติ" ออกจำหน่ายในวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2557[6] และมีกำหนดการออกคอนเสิร์ตบอดี้สแลม ปรากฏการณ์ ดัม-มะ-ชา-ติ โดยเป็นการทัวร์คอนเสิร์ตเต็มรูปแบบครั้งแรกของวง เพื่อสนับสนุนอัลบั้ม ดัม-มะ-ชา-ติ โดยเริ่มแสดงตั้งแต่วันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2557 – 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558[7]และเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 ยุทธนา บุญอ้อม ได้ประกาศยกเลิกทัวร์ bodyslam ปรากฏการณ์ ดัม-มะ-ชา-ติ ที่เหลือทั้งหมด โดยจัดที่จังหวัดนครราชสีมาเป็นจังหวัดสุดท้าย[8] เนื่องจากเหตุการณ์ความไม่พอใจของแฟนเพลงในกรณีการประกาศลดราคาค่าตั๋วเข้าชมร่วมกับสปอนเซอร์ จากเดิม 1,500 บาท เหลือ 399 บาท [9]
สมาชิกของวง[แก้]
- สมาชิกปัจจุบัน
- อาทิวราห์ คงมาลัย (ตูน) – ร้องนำ, กีตาร์ (พ.ศ. 2545–ปัจจุบัน)
- ธนดล ช้างเสวก (ปิ๊ด) – กีตาร์เบส, ร้องประสาน (พ.ศ. 2545–ปัจจุบัน)
- ธนชัย ตันตระกูล (ยอด) – กีตาร์นำ (พ.ศ. 2548–ปัจจุบัน)
- สุชัฒติ จั่นอี๊ด (ชัช) – กลอง (พ.ศ. 2546–ปัจจุบัน) (แบกอัป:พ.ศ. 2545–2546)
- โอม เปล่งขำ (โอม) – คีย์บอร์ด, ร้องประสาน (พ.ศ. 2553–ปัจจุบัน) (แบกอัป:พ.ศ. 2550–2553)
- อดีตสมาชิก
- รัฐพล พรรณเชษฐ์ (เภา) – กีตาร์นำ (พ.ศ. 2545–2548)
- หมายเหตุ
- อัลบั้มที่ 2 ชัชเป็นมือกลองแบกอัป และตั้งแต่อัลบั้มที่ 3 จนถึงปัจจุบัน ได้ร่วมเป็นสมาชิกของวง
- ในอัลบั้ม 4, 5 และ 6 องค์ประกอบของดนตรีมีอิเล็กทรอนิกส์เยอะขึ้น จึงได้ชวนโอมมาร่วมงานเป็นแบกอัปด้วยกัน จนปัจจุบันได้ร่วมเป็นสมาชิกของวง
- เส้นเวลา

ผลงาน[แก้]
ผลงานอัลบั้ม[แก้]
หมายเหตุ: สมาชิกของวงที่มีชื่อเล่นเป็นตัวเอน คือ สมาชิกแบกอัปในอัลบั้มนั้น ๆ ของวงชื่ออัลบั้ม | ปีที่วางแผง | รายชื่อเพลง | สมาชิกในอัลบั้ม |
---|---|---|---|
Bodyslam | 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2545 |
รายชื่อเพลง[แสดง]
|
สมาชิกในอัลบั้ม[แสดง]
ตูน, เภา, ปิ๊ด, ชัช
|
Drive | 9 กันยายน พ.ศ. 2546 |
รายชื่อเพลง[แสดง]
|
สมาชิกในอัลบั้ม[แสดง]
ตูน, เภา, ปิ๊ด, ชัช
|
Believe | 22 เมษายน พ.ศ. 2548 |
รายชื่อเพลง[แสดง]
|
สมาชิกในอัลบั้ม[แสดง]
ตูน, ยอด, ปิ๊ด, ชัช
|
Save my Life | 18 กันยายน พ.ศ. 2550 |
รายชื่อเพลง[แสดง]
|
สมาชิกในอัลบั้ม[แสดง]
ตูน, ยอด, ปิ๊ด, ชัช, โอม
|
คราม | 9 มิถุนายน พ.ศ. 2553 |
รายชื่อเพลง[แสดง]
|
สมาชิกในอัลบั้ม[แสดง]
ตูน, ยอด, ปิ๊ด, ชัช, โอม
|
≠dharmajāti (ดัม-มะ-ชา-ติ) | 25 กันยายน พ.ศ. 2557 |
รายชื่อเพลง[แสดง]
|
สมาชิกในอัลบั้ม[แสดง]
ตูน, ยอด, ปิ๊ด, ชัช, โอม
|
ผลงานด้านโฆษณา[แก้]
- พ.ศ. 2548
- โฆษณา YAMAHA SPARK 135 คู่กับ ไปรยา สวนดอกไม้
- โฆษณา M-150 ชุด "พลังดนตรีเปิดหมวก" ตูน Bodyslam ร่วมกับ แด๊กซ์ Big Ass ลานนา คัมมินส์ เสก โลโซ และ ขุนอินทร์
- พ.ศ. 2551
- โฆษณา M-150 ชุด "ไม่ต้องกลัวอะไร ถ้ามีปีก"
- พ.ศ. 2553
- เป๊ปซี่ ภายใต้คอนเซป ดนตรีเต็มที่ด้วยกันได้ Bodyslam ร่วมกับ เอ็นโดฟริน และ ชิน ชินวุฒิ
- พ.ศ. 2554
- เป๊ปซี่ ดนตรีก็เต็มที่ด้วยกันได้ " Bodyslam" ร่วมกับ ดา เอ็นโดฟริน และ ชิน ชินวุฒิ
- เป๊ปซี่ "ดนตรีก็เต็มที่ด้วยกันได้ " Bodyslam" ร่วมกับ ทีมนักแสดงภาพยนตร์เรื่อง "Suck Seed ห่วยขั้นเทพ"
- แต่งเพื่อเป็นกำลังใจให้คนน้ำท่วม ชื่อเพลง ด้วยกัน
- โฆษณา CTRL UV protect lotion SPF 50
รางวัล[แก้]
- พ.ศ. 2548
- รางวัลศิลปินสุดฮิตแห่งปี
- รางวัลเพลงฮิตแห่งปี - เพลง ขอบฟ้า
- เพลงยอดเยี่ยม - เพลง ความเชื่อ
- พ.ศ. 2549
- บอดี้สแลมได้เข้าชิงหนึ่งใน 5 งานเอ็มทีวี เอเชีย
- Song of the Year - เพลง ความเชื่อ
- อัลบั้มยอดนิยม - อัลบั้ม Believe
- รางวัลศิลปินร็อกยอดเยี่ยมสุดซี้ดประจำปี
- รางวัลเพลงยอดเยี่ยมสุดซี้ดประจำปี - เพลง ความเชื่อ
- พ.ศ. 2550
- ศิลปินกลุ่มร็อกยอดเยี่ยม
- อัลบั้มร็อกยอดเยี่ยม - อัลบั้ม Save My Life
- เพลงร็อกยอดเยี่ยม - เพลง ยาพิษ
- ศิลปินกลุ่มยอดเยี่ยม - อัลบั้ม Save My Life
- รางวัลเพลงยอดเยี่ยม - เพลง ยาพิษ
- พ.ศ. 2551
- Record of The Year - เพลง ยาพิษ
- วงดนตรียอดนิยม
- มิวสิกวีดีโอยอดนิยม - เพลง ยาพิษ
- ศิลปินร็อกยอดเยี่ยมสุดซี้ดประจำปี
- อัลบั้มร็อกยอดเยี่ยมสุดซี้ดประจำปี - อัลบั้ม Save My Life
- รางวัลนักร้องสุดปลื้ม
- พ.ศ 2553
- รางวัลศิลปินร็อกยอดนิยมสุดซี๊ดประจำปี
- รางวัลสาขาศิลปินยอดนิยม
- รางวัลศิลปินที่สุดแห่งปี 2010
- พ.ศ. 2554
- เพลงยอดเยี่ยม - เพลง คิดฮอด
- อัลบั้มยอดเยี่ยม - อัลบั้ม คราม
- ศิลปินกลุ่มยอดเยี่ยม
- รางวัลศิลปินร็อกยอดเยี่ยมสุดซี้ดประจำปี
- รางวัลอัลบั้มร็อกยอดเยี่ยมสุดซี้ดประจำปี - อัลบั้ม คราม
- รางวัลอัลบั้มยอดเยี่ยมสุดซี้ดประจำปี - อัลบั้ม คราม
- รางวัลเพลงยอดเยี่ยมสุดซี้ดประจำปี - เพลง คิดฮอด
- เพลงในการบันทึกเสียงยอดเยี่ยม - เพลง คิดฮอด
- เพลงร็อกยอดเยี่ยม - เพลง คราม
- ศิลปินกลุ่มโดนใจ
- รางวัล ศิลปินไทยกลุ่มยอดนิยม
- พ.ศ. 2555
- รางวัลศิลปิน Popular Vote
- รางวัลศิลปินโชว์ยอดเยี่ยมสุดซี้ดประจำปี
- รางวัลศิลปินกลุ่ม มณีเมขลา ดีเด่นยอดนิยม
- รางวัลศิลปินร๊อคยอดนิยม
- รางวัลศิลปินรุ่นเดอะ ผู้สร้างแรงบันดาลใจในรอบ 12 ปี
ผลสำรวจเอแบคโพล[แก้]
- [บอดี้สแลม] กลุ่มนักร้อง/วงดนตรี ที่เป็นที่ชื่นชอบมากที่สุด (ปี 2552) อันดับที่ 1 ร้อยละ 18.6 [22]
- [บอดี้สแลม] กลุ่มนักร้อง/วงดนตรี ที่เป็นที่ชื่นชอบมากที่สุด (ปี 2553) อันดับที่ 1 ร้อยละ 29.2 [23]
- [ตูน บอดี้สแลม] นักร้องฝ่ายชาย ขวัญใจประชาชน (ปี 2554) อันดับที่ 3 ร้อยละ 8.7 [24]
- [บอดี้สแลม] กลุ่มนักร้อง/วงดนตรี ที่เป็นที่ชื่นชอบมากที่สุด (ปี 2555) อันดับที่ 1 ร้อยละ 25.1 [25]
อ้างอิง[แก้]
- กระโดดขึ้น ↑ ประวัติวงดนตรี BODYSLAM (บอดี้สแลม)
- กระโดดขึ้น ↑ Channel V Thailand Music Video Awards No. 3 results
- กระโดดขึ้น ↑ Season Awards No. 20 Results, Siam Zone
- กระโดดขึ้น ↑ Band History (in English)
- กระโดดขึ้น ↑ "" คอนเสิร์ต บอดี้แสลมนั่งเล่น "". Official Bodyslam Website. 2011-08-15. สืบค้นเมื่อ 2011-08-15.
- กระโดดขึ้น ↑ dharmajāti อัลบั้มใหม่ bodyslam วางแผงแล้ววันนี้
- กระโดดขึ้น ↑ bodyslam ปรากฏการณ์ ดัม-มะ-ชา-ติ คอนเสิร์ตใหญ่เต็มรูปแบบทั่วประเทศครั้งแรก!! เว็บไซต์ยูทูเพลย์
- กระโดดขึ้น ↑ Facebook Yuthana Boonorm
- กระโดดขึ้น ↑ Bodyslam ครับ ผมไม่อยากได้ Photobook ขอเป็นเงินแทนได้ไหม ?
- กระโดดขึ้น ↑ Hitz 40 Awards 2005
- กระโดดขึ้น ↑ คมชัดลึก อวอร์ด ครั้งที่ 3
- กระโดดขึ้น ↑ ""FAT AWARDS ครั้งที่ 4"". Siamzone. 2011-04-06. สืบค้นเมื่อ 2011-04-06.
- กระโดดขึ้น ↑ ""FAT AWARDS ครั้งที่ 6"". You2Play. 2011-04-06. สืบค้นเมื่อ 2011-04-06.
- กระโดดขึ้น ↑ Young & Smart Vote 2010
- กระโดดขึ้น ↑ I am Siam กับที่สุดแห่งปี 2010
- กระโดดขึ้น ↑ ""คม ชัด ลึก อวอร์ด 2553"". คม ชัด ลึก. 2011-04-06. สืบค้นเมื่อ 2011-04-06.
- กระโดดขึ้น ↑ ""Bodyslam แรง! กวาด 4 รางวัล Seed Awards 6"". จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่. 2011-04-06. สืบค้นเมื่อ 2011-04-06.
- กระโดดขึ้น ↑ ""รางวัลสีสันอวอร์ดส์ ครั้งที่ 23"". จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่. 2011-04-06. สืบค้นเมื่อ 2011-04-06.
- กระโดดขึ้น ↑ The Guitar 1st Decade Anniversary Awards 2011
- กระโดดขึ้น ↑ "“ประมวลภาพ สรุปผลรางวัลงาน 'Seed Awards ครั้งที่ 7' โดย Seed 97.5 FM”". pingbook. 2012-03-07. สืบค้นเมื่อ 2012-03-07.
- กระโดดขึ้น ↑ "“ประกาศผลรางวัลเมขลา ครั้งที่ 24”". sanook. 2012-03-10. สืบค้นเมื่อ 2012-03-10.
- กระโดดขึ้น ↑ บทความ เอแบคโพลล์ เผยที่สุดแห่งปี 2552
- กระโดดขึ้น ↑ เอแบคโพลล์: ที่สุดแห่งปี 2553 ด้านบันเทิง
- กระโดดขึ้น ↑ เอแบคโพลล์: ดารานักร้อง นักแสดง ขวัญใจประชาชนที่สุดแห่งปี 2554
- กระโดดขึ้น ↑ “สุดยอดของความบันเทิง แห่งปี 2555
แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]
|
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)